วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ดอกลิลลี่

ชื่อวิทยาศาสตร์                                 Lilium    hybrids                   
ชื่อสามัญ                                         Lily,  Easter Lily
ลิลลี่ (Lily, Lilium hybrids) เป็นไม้ดอกประเภทหัว มีดอกขนาดใหญ่เป็นสง่าและสวยงามมาก บางชนิดมีกลิ่นหอมมาก นับว่าเป็นดอกไม้ที่มีราคาแพงที่สุดในปัจจุบัน ใช้ได้ทั้งเป็นไม้ตัดดอกและไม้กระถาง ชนิดที่นิยมปลูกในปัจจุบันคือ ลิลลี่ปากแตร เนื่องจากดอกมีรูปทรงเหมือนแตร ชนิดนี้มีดอกสีขาวมีกลิ่นหอม ในต่างประเทศเรียก Easter lily อีกชนิดหนึ่งเป็นลูกผสมเอเชีย (Asiatic hybrids) มีช่อดอกตั้ง มีดอกหลายสี ชนิดนี้มีดอกไม่หอม อีกชนิดหนึ่งมีดอกหอมมากมีราคาแพงที่สุด คือลูกผสม Oriental hybrids
ในพื้นที่ของโครงการหลวง เช่น ดอยปุย ดอยอ่างขาง และดอยอินทนนท์ พบว่ามีลิลลี่พันธุ์พื้นเมือง หรือเรียกว่าลิลลี่ดอยขึ้นอยู่ในป่า ออกดอกในเดือนสิงหาคมดอกหอมมากโดยเฉพาะในเวลากลางคืนที่มีอากาศหนาวเย็น
ปัจจุบันนี้โครงการหลวงได้ทำการวิจัยขยายพันธุ์ลิลลี่ โดยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อให้เกษตรกรชาวเขาปลูก นอกจากนี้ยังได้ทำการปรับปรุงพันธุ์ลิลลี่ลูกผสมต่างชนิด โดยใช้พ่อแม่พันธุ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศผสมกับลิลลี่ดอยอีกด้วย
สภาพที่เหมาะสมในการผลิต
1. วัสดุปลูก  ลิลลี่ปลูกได้ในดินที่มีการระบายน้ำ และอากาศดี  มีอินทรีย์วัตถุสูง ph 6 - 7   รักษาความชื้นในแปลงโดยการคลุมดิน ด้วยวัสดุคลุมดิน เช่น ฟางข้าว หรือเปลือกถั่ว
2.อุณหภูมิ ช่วงแรกของการเจริญเติบโต ต้องการอุณหภูมิประมาณ  12 - 15 ซ.หากต่ำกว่านี้จะทำให้ยอดเจริญช้าเกินไป  หลังจากนั้นอุณหภูมิที่เหมาะสมในการเจริญเติบโตของลิลลี่ คือ กลางคืน 14 - 16 ซ. และกลางวัน  22 - 25 ซ.
3. ความชื้น ที่เหมาะสมในการเจริญเติบโต ของลิลลี่ คือความชื้น สัมพัทธ์ ร้อยละ  80 - 85 ควรหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงความชื้น แบบกระทันหัน เพราะจะทำให้เกิดใบไหม้ (leaf  scorn) ในพันธุ์ที่อ่อนแอ กับอาการนี้ หารมีการเปลี่ยนแปลงควรค่อยเป็น ค่อยไป จึงควรใช้การพรางแสง  การระบายอากาศ และการให้น้ำ เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลง อันรวดเร็วน
4. แสง ในช่วงอากาศร้อน อุณหภูมิสูง ทำให้คุณภาพดอกต่ำ ในช่วงแดดจัดควร พรางแสงให้ ลิลลี่กลุ่มเอเชียติก และลองจิฟลอรัม ร้อยละ 50   ส่วนกลุ่ม ออเรียนเทิล ร้อบละ 70 การพรางแสง ยังช่วยรักษาความชื้นด้วย
การปลูก
แปลงปลูกควรยกแปลงสูง  20 - 30 ซ.ม  กว้าง 1  เมตร เว้นทางเดิน  50 ซ.ม


ระยะปลูก
   ขึ้นอยู่กับขนาดของหัวพันธุ์ เมื่อได้รับหัวพันธุ์ ในลักษณะแช่แข็ง (- 4 ซ.) ให้เปิดถุงพลาสติกในร่มมีหลังคา และปล่อยให้ละลายในถุง เป็นเวลา 1 - 2 วัน จากนั้น จึงนำไปปลูก โดยขุดหลุม และกลบดินเหนือหัวพันธุ์ประมาณ 10 - 15 ซ.ม  เพื่อให้รากที่เกิดขึ้นบนต้นเหนือหัวพันธุ์เจริญได้สมบูรณ์ที่สุด  ร้อยละ 90  ของการเจริญของลิลลี่ขึ้นอยู่กับรากนี้
การให้น้ำ

ควรให้น้ำ  2 - 3 วันก่อนปลูกเพื่อให้ดินชื้น ในระยะแรกที่ปลูกใหม่ จากนั้น ควรรดน้ำวันละครั้ง ในช่วงเช้า พยายามให้ดินมีความชื้นอยู่ เสมอ
 
การให้ปุ๋ย

ควรใส่ปุ๋ยคอกเก่า ๆ หรือปุ๋ยหมัก ปริมาณ 1 ลูกบาตรเมตร ต่อพื้นที่ 100 ตรม. ให้ปุ๋ยครั้งแรก 3 สัปดาห์หลังปลูก ควรให้ปุ๋ย แคลเซี่ยมไนเตรต สูตร 15 - 0 - 0 อัตรา 1 กก. ต่อพื้นที่  100  ตรม.  ต่อมาให้สูตร  12 - 10 - 18 ทุก 2 สัปดาห์ หลังตัดดอกแล้วหากต้องการเก็บหัวพันธุ์ ควรให้ปุ๋ยที่มี โปแตสเซี่ยมสูง เพื่อช่วยในการพัฒนาหัว เช่นสูตร 13 - 13 -21 ทุก 2  สัปดาห์

การเก็บเกี่ยวและปฏิบัติหลังเก็บเกี่ยว
ระยะที่เหมาะสมในการตัดดอกลิลลี่ นั้น จะแตกต่างกันแล้วแต่สายพันธุ์ แต่หลักการทั่วไป คือ ควรตัดดอกลิลลี่ ในระยะที่ดอกล่างสุดตูม  เริ่มแสดงสี และพร้อมที่จะบานในวันถัดไป เพื่อความสะดวกในการขนส่ง  หรือสังเกต ระยะก่อนดอกบาน  1  วัน เป็นระยะที่เหมาะสมในการตัดดอก  การตัดดอกเร็วเกินไปทำให้ทำให้ดอกบานช้า สีซีด  จำนวนดอกบานน้อย และคุณภาพต่ำ  ควรตัดช่อ โดยเหลือต้นไว้เหนือดินประมาณ 10-20 ซม.  จากนั้นควรคัดเกรด  ตามจำนวนดอก  ความยาว และความแข็งแรงของก้าน ควรริดใบที่โคนก้านใบประมาณ 10  ซม. เพื่อยืดอายุการปักแจกัน และป้องกันน้ำเสีย  มัดกำ คัดก้าน เนื่องจากดอกลิลลี่เสียหายง่าย หากได้รับแก๊สเอ็ทธิลีน หลังการตัดดอก ควรแช่ในสาร ชิลเวอร์ไธโอซัลเฟส อัตรา  30 ซีซี ต่อน้ำ 1  ลิตร เป็นเวลา 20 นาที จากนั้นจึงย้ายใส่ในน้ำสะอาด ที่ปรับค่า ph เท่ากับ  3.5  เก็บที่อุณหภูมิ 3-5 ซ.ม. หากได้รับการปฏิบัติที่ถูกต้อง จะสามารถเก็บดอก ลิลลี่ ในห้องเย็นเป็นเวลา นานถึง  4  สัปดาห์ แต่ใบอาจเป็นสีเหลือง หรือน้ำตาลแม้ว่าจะเก็บในช่วง สั้นก็ตาม 



ภายในสวนเกอเก็นฮอฟ (Keukenhof) ที่เมืองลีสเสะ (Lisse) ประเทศเนเธอร์แลนด์ นอกจากจะเป็นสวนสวยที่ร่มรื่นและชวนตื่นตาไปกับดอกทิวลิปหลากสีสันแล้ว ยังมีหอแสดงพืชพันธุ์ไม้อยู่อีก 4 แห่งด้วยกัน หนึ่งในจำนวนนั้นมีชื่อว่า Willem Alexander Pavilion ซึ่งเป็นการตั้งชื่อตามพระนามของเจ้าชายวิลเลม อเล็กซานเดอร์ มกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์ Orange ของเนเธอร์แลนด์ หอแห่งนี้ใช้แสดงทิวลิปพันธุ์ต่าง ๆ และดอกไม้อื่น ๆ แต่หลังจากช่วงต้นเดือนพฤษภาคมเมื่อดอกทิวลิปเริ่มโรยรา ก็จะมีการนำดอกลิลลี่มาจัดแสดงให้ชมแทน

ดอกลิลลี่ได้ชื่อว่าเป็นดอกไม้แห่งเจ้าหญิง ชื่อภาษาอังกฤษใช้ว่า Lily แต่ถ้าเป็นชื่อทางวิชาการก็จะเรียกว่า Lilium hybrids ลิลลี่เป็นพืชประเภทที่มีหัวอยู่ใต้ดินเช่นเดียวกับดอกทิวลิป แต่ที่ดูจะเหนือกว่าก็คือดอกลิลลี่มีกลิ่นหอมซึ่งดอกทิวลิปไม่มี ส่วน หัว หรือ Bulb ที่ว่าก็คือลำต้นซึ่งใช้สะสมอาหารอยู่ใต้ดินของพืชกลุ่มนี้ เมื่อหัวของดอกลิลลี่มีการพัฒนาเจริญเติบโตเต็มที่ ยอดใหญ่ก็จะกลายเป็นลำต้นโผล่ขึ้นเหนือดิน ส่วนยอดก็จะแตกออกเป็นช่อดอก ที่มี 6 กลีบแยกออกจากกัน ใจกลางมีเกสรตัวผู้ชูให้เห็นเด่น

ลิลลี่เป็นได้ทั้งไม้ตัดดอกและไม้กระถาง บ่อยครั้งที่เคยเห็นการมอบให้ดอกลิลลี่กันทั้งกระถาง ซึ่งก็ไม่ได้เป็นการให้ที่เปล่าประโยชน์ เพราะเมื่อดอกลิลลี่ในกระถางถึงวาระของการโรยราแล้ว แต่ต้นก็ยังไม่ตาย ยังสามารถนำรากไปใช้ปลูกได้อีก

ลิลลี่เป็นดอกไม้เมืองหนาว ต้นกำเนิดอยู่ในทวีปเอเชียแถว ๆ จีนและญี่ปุ่นนี่เอง เป็นดอกไม้ที่มีสีสันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสีขาว สีชมพู สีเหลือง สีส้ม สีแดง หรือมีสองสีในดอกเดียวกัน บางสายพันธุ์มีจุดกระบนกลีบดอกดูสวยงามไปอีกแบบหนึ่ง
เสน่ห์ความงามและกลิ่นหอมของดอกลิลลี่ ทำให้ร้านดอกไม้หลายเจ้านำชื่อลิลลี่มาตั้งเป็นชื่อทำการค้า และยังเป็นดอกไม้ที่บรรดาร้านดอกไม้มีความต้องการที่จะได้มาจำหน่าย แม้จะมีราคาสูงแต่ดอกลิลลี่ก็มียอดการซื้อขายสูงเป็นอันดับที่ห้า รองลงมาจาก ดอกกุหลาบ ดอกเบญจมาศ ดอกทิวลิป และดอกคาร์เนชัน

ปัจจุบันในเมืองไทยของเราสามารถปลูกดอกลิลลี่ได้เองแล้ว โดยมีการนำเข้าหัวพันธุ์จากเนเธอร์แลนด์ปีละไม่น้อยกว่าครึ่งล้านหัว ดอกลิลลี่ชอบความเย็นที่อุณหภูมิตอนกลางวันไม่ควรเกิน 20 องศาเซนเซียส เพราะฉะนั้นถ้าอยากเที่ยวดูดอกลิลลี่ ก็ต้องขึ้นไปบนพื้นที่สูง ไม่ว่าจะเป็นที่เชียงใหม่ เชียงราย เลย ตาก หรือกาญจนบุรี


ดอกลิลลี่ให้ความหมายทางศาสนาถึงความบริสุทธิ์ ดอกสีขาวจึงมีความหมายถึงพระแม่มารี ในขณะที่ดอกสีแดง ก็ให้ความหมายถึง ความรักที่บริสุทธิ์ อ่อนหวาน และอ่อนไหว หรือความรักแรก ด้วยความหมายแบบใสใสนี้เอง ทำให้ดอกลิลลี่เป็นดอกไม้ที่มอบให้กันได้ไม่ว่าจะเป็น เพื่อน ญาติพี่น้อง หรือคนรักกัน อย่างไม่ต้องเคอะเขิน

ดอกลิลลี่ถูกจัดให้เป็นดอกไม้ประจำราศีของผู้คนถึง 2 ราศี ด้วยกัน กับคนราศีกุมภ์ (23 มกราคม-19 กุมภาพันธ์) ที่เป็นดอกสีแดง สีชมพู สีขาว สีส้ม และสีเหลือง และคนราศีพฤษภ (21 เมษายน-22 พฤษภาคม) ที่เป็นดอกสีขาว ด้วยว่าดอกลิลลี่นี้จะบ่งบอกถึงผู้คนที่มีบุคลิกลักษณะรักการใช้ชีวิตอย่างเป็นอิสระ พอใจที่ได้ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน มีความสุขที่ได้อยู่กับเสียงหัวเราะ ที่ซ่อนพรางความรู้สึกโรแมนติกเข้าไว้พร้อมที่จะนำออกมาใช้ใฝ่หาความรัก

คนที่ฝังอารมณ์อยู่กับดอกลิลลี่จึงมักเป็นคนที่ซ่อนเสน่ห์อยู่ได้ไม่ลึกจนเกินไป และรู้ที่จะจริงจังกับความรักในปริบทของความรักคือการให้ แม้จะดูเหมือนต้องเก็บงันความรู้สึกต่าง ๆ ไว้มากมาย แต่เมื่อถึงเวลาปลดปล่อยในช่วงแห่งกระแสพิศวาส ตามตำราท่านว่าท่วงท่าลีลาความเร่าร้อนก็ดูจะบรรเลงด้วยการให้อย่างเต็มเปี่ยมด้วยความรัก และอิ่มเอมด้วยความรู้สึกที่ดีดีต่อกัน




ที่มา  http://www.oknation.net/blog/exit/2007/06/14/entry-1


http://www.the-than.com/FLower/F/01.html

ดอกทิวลิป

ทิวลิป

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Tulip
Cultivated Tulip - Floriade 2005, Canberra
Cultivated Tulip - Floriade 2005, Canberra
ทิวลิป เป็นดอกไม้เมืองหนาวที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปยุโรป เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของฮอลแลนด์ มีอยู่หลายสี ดอกทิวลิปจะปลูกได้ต้องใช้อุณหภูมิที่เหมาะสม คือไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส

[แก้] ที่มาของชื่อ

แม้ว่าทิวลิปจะเป็นดอกไม้ที่ทำให้นึกถึงฮอลแลนด์ แต่ทั้งดอกไม้และชื่อมีที่มาจากจักรวรรดิเปอร์เชีย ทิวลิปหรือ “lale” (จากเปอร์เชีย لاله, “lâleh”) เช่นเดียวกับที่เรียกกันในตุรกี เป็นดอกไม้ท้องถิ่นของตุรกี, อิหร่าน, อัฟกานิสถาน และบางส่วนของเอเชียกลาง แม้ว่าจะไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นผู้นำทิวลิปเข้ามาทางตะวันตกเฉียงเหนือของยุโรปแต่ที่สำคัญคือตุรกีเป็นผู้ทำให้ทิวลิปมีชื่อเสียงที่นั่น เรื่องที่เป็นที่ยอมรับกันก็คือ Oghier Ghislain de Busbecqไปเป็นราชทูตของสมเด็จพระจักรพรรดิเฟอร์ดินานด์ที่ 1 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ในราชสำนักของสุลต่านสุลัยมานมหาราชแห่งจักรวรรดิออตโตมันในปี ค.ศ. 1554 Busbecq บรรยายในจดหมายถึงดอกไม้ต่างๆ ที่เห็นที่รวมทั้งนาร์ซิสซัส ดอกไฮยาซินธ์ และทิวลิปที่ดูเหมือนจะบานในฤดูหนาวที่ดูเหมือนผิดฤดู (ดู Busbecq, qtd. in Blunt, 7) ในวรรณคดีเปอร์เชียทั้งสมัยโบราณและสมัยใหม่ต่างก็ให้ความสนใจกับดอกไม้ชนิดนี้
คำว่า “tulip” ที่ในภาษาอังกฤษสมัยแรกเขียนเป็น “tulipa” หรือ “tulipant” เข้ามาในภาษาอังกฤษจากฝรั่งเศสที่แผลงมาจากคำว่า “tulipe” และจากคำโบราณว่า “tulipan” หรือจากภาษาลาตินสมัยใหม่ “tulīpa” ที่มาจากภาษาตุรกี “tülbend” หรือ “ผ้ามัสลิน” (ภาษาอังกฤษว่า “turban” (ผ้าโพกหัว) บันทึกเป็นครั้งแรกในภาษาอังกฤษในคริสต์ศตวรรษที่ 16 และอาจจะมาจากภาษาตุรกีอีกคำหนึ่งว่า “tülbend” ก็เป็นได้)

[แก้] ทิวลิปในประเทศไทย

ในประเทศไทย สำนักงานเกษตรที่สูงดอยผาหม่น ได้ปลูกดอกทิวลิป ในพื้นที่เกษตรที่สูง ดอยผาหม่น ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย ตั้งปี พ.ศ. 2549 เพื่อการท่องเที่ยว [1]

Inside

[แก้] ความหมายของดอกทิวลิป

  • ทิวลิปสีแดง - เป็นดอกไม้แห่งการสารภาพรัก หากได้ดอกทิวทิวลิปสีแดงจากใครแสดงว่าคนผู้นั้นตกหลุมรักคุณแล้ว
  • ทิวลิปสีเหลือง - เป็นสัญลักษณ์แห่งความผิดหวัง


ที่มา  http://www.oceansmile.com/N/Chiarai/DoiPhamun.htm